วันศุกร์, 29 พฤศจิกายน 2567

“GARDENS OF EDEN” อัลตร้าลักชัวรี่มูลค่าสูงที่สุดบนเกาะภูเก็ต

15 ธ.ค. 2023
325

เปิดตัว “GARDENS OF EDEN” อัลตร้าลักชัวรี่มูลค่าสูงที่สุดบนเกาะภูเก็ต ชูคอนเซปต์ “ชีวิตสีเขียว”

15 ธันวาคม 2566 ที่ สำนักงานขาย การ์เด้น ออฟ อีเดน หาดเลพัง ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กลุ่มบริษัทอมอล (Amal Group of Companies) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติ เปิดตัว “Gardens of Eden” (การ์เด้น ออฟ อีเดน) มิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่แลนมาร์คแห่งล่าสุดบนเกาะภูเก็ต บนทำเลทองของภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่กว่า 73 ไร่ ชูคอนเซปต์ “ชีวิตสีเขียว”

ด้วยพื้นที่ธรรมชาติกว่า 70% ของโครงการ ด้วยเงินลงทุนถึง 11,000 ล้านบาท สะท้อนทิศทางการเติบโตของภูเก็ต จุดหมายปลายทางการอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ และการท่องเที่ยวอันหรูหราแห่งใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่ดีจากธรรมชาติในภูเก็ต

การฟื้นฟูและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเกาะภูเก็ตหลังวิกฤตการแพร่ระบาดนั้น ส่งผลให้สนามบินภูเก็ตมีผู้โดยสารหลั่งไหลเข้ามาถึง 10.1 ล้านคน (ภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566) บ่งชี้ตัวเลขที่จะทำลายสถิติภายในสิ้นปี 2566 นี้ ในขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 27,508 ล้านบาท ด้วยฟันเฟืองด้านโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย

โรงพยาบาล 9 แห่ง โรงเรียนนานาชาติ 13 แห่ง ห้างสรรพสินค้า 8 แห่ง สนามกอล์ฟ 6 แห่ง และชายหาด 26 แห่ง ซึ่งดึงดูดผู้ซื้อจากทั่วโลกให้มายังภูเก็ต นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ตลาดดีมานด์ที่นำโดยรัสเซีย จีน อินเดีย และยุโรป ไม่ได้ซื้อเพื่อการลงทุนเหมือนที่ผ่านมา แต่ซื้อเพื่อวัตถุประสงค์ในการย้ายที่อยู่อาศัย เนื่องจากครอบครัวต่าง ๆ มองหาชีวิตที่ดีขึ้น อ้างอิงจากรายงานเศรษฐกิจของภูเก็ต ‘The Phuket Report: Economy in Transition’ โดย C9 Hotelworks (ซีไนน์ โฮเทลเวิร์กส)

ภายใต้ตลาดที่มีพลวัต ‘Gardens of Eden’ ได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการพัฒนาอสังหาฯ ขนาดใหญ่บนทำเลที่ดีเยี่ยมที่สุดของภูเก็ต และกล้าที่จะพัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืน ที่ที่ “ธรรมชาติ” คือความหรูหราเหนือกาลเวลาที่แท้
จริง

Amal Group นำโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง ได้แก่ “Martin Palleros” (มาร์ติน พัลเลอรอส) สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการสร้างสรรค์ผลงานโรงแรม รีสอร์ท และที่พักอาศัยระดับโลกทั่วโลก “Ravi Chandran” (ราวี จันดราน) อดีต CEO ของ Laguna Phuket มาขับเคลื่อน Gardens of Eden ในบทบาทฝ่ายกิจการองค์กร (Cooperate Affairs) และ “Ingo Schweder” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GOGO Hospitality โดย Aleksandr Chuvalov ซึ่งได้รับการคัดเลือกจาก DPD Invest สำหรับความเชี่ยวชาญของเขาในการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับนานาชาติที่หรูหรา

“ภายในปี 2593 70% ของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมในเมืองที่ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คน เราจำเป็นต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการออกแบบเมืองที่ยั่งยืนในอนาคตเพื่อให้แน่ใจว่าเมืองเหล่านั้นน่าอยู่มากขึ้น โดย Gardens of Eden จะเป็นโครงการแรกในภูเก็ต และเป็นหนึ่งในโครงการไม่กี่โครงการในโลกที่กำหนดมาตรฐานการพัฒนาใหม่นี้ มันจะเป็นประสบการณ์การใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดื่มด่ำอย่างเต็มที่” พัลเลอรอสกล่าว

ภายในอาณาจักร Gardens of Eden จะปลูกต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 1,000 ต้น และจัดสรรพื้นที่ 70% เป็นพื้นที่สีเขียว สวนแนวตั้งซึ่งจะออกแบบแนวไบโอฟิลิก (Biophilic Design) ประกอบด้วยสวนออร์แกนิก สระน้ำลากูน ทะเลสาบ สนามเด็กเล่น เส้นทางวิ่งและปั่นจักรยาน ห้องอาบน้ำออนเซ็น และพื้นที่นวดกดจุด ร้านอาหาร ร้านค้าบูติก สปา ห้องออกกำลัง บริการต้อนรับ และอื่น ๆ อีกมากมาย

‘Eden Residences’ (อีเดน เรสซิเดนเซส) จะเป็นเฟสแรกและเป็นจุดเริ่มต้นของ Gardens of Eden ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างชายหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของภูเก็ต ก่อนที่จะข้ามคลองไปยังสวนอันรื่นรมย์ของโครงการฯ สำหรับเฟสที่ 1 เป็นอะพาร์ตเมนต์สุดหรูจำนวน 141 ยูนิต ในอาคาร 4 ชั้น ขนาดเริ่มต้น 75 ตารางเมตร (PSM) เพดานสูง 3 เมตร และยูนิตชั้นบนสุดพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ใช้วัสดุธรรมชาติที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี เช่น ไม้ที่มีคาร์บอนเป็นลบ และหินแกรนิตที่มาจากในท้องถิ่น มียอดขายแล้วทั้งหมด 30% ในช่วง Pre-sale ราคาอยู่เริ่มต้น 220,000 บาทต่อตร.ม. ถึง 350,000 บาท มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2569

ราวี จันดราน (Ravi Chandran) หัวหน้าฝ่ายกิจการองค์กร (corporate affairs head) กล่าวว่า “นี่เป็นโครงการที่สำคัญสำหรับภูเก็ตและบางเทา ความต้องการการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่กว้างขวางในทำเลที่ดีเยี่ยมมีสูงมาก เนื่องจากครอบครัวต่าง ๆ ทั่วโลกย้ายมาอยู่ที่เกาะนี้ Gardens of Eden จะสร้างผลกระทบต่อตลาดและมีส่วนสนับสนุนเชิงบวกต่อการพัฒนาสีเขียวของเกาะโดยรวม”