วันอาทิตย์, 22 ธันวาคม 2567

ภูเก็ต 1 กรกฎาคม 2564 : โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต พร้อมแล้วกับการนับหนึ่งในโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ด้วยการต้อนรับนักท่องเที่ยวชุดแรกที่เดินทางมาเยือนอย่างอบอุ่นและปลอดภัยด้วยมาตรฐาน SHA Plus+ เผยยอดจองโรงแรมเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 40% ทำให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวแม้จะไม่ได้คึกคัก แต่ก็เป็นลักษณะของการทยอยเดินทาง ซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวโน้มค่อยๆ ดีขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นปลายปี ชี้ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นจุดเริ่มต้นที่ “ต้องเรียนรู้” ถือเป็นกรณีศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ  

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยนักท่องเที่ยวชุดแรกที่เดินทางมาถึงเป็นชาวเนเธอร์แลนด์และชาวไทย โดยบินมาจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทางโรงแรมได้เตรียมการต้อนรับอย่างอบอุ่นภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย SHA Plus+ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว โดยจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องแห่งแรกของประเทศไทยที่ดำเนินการตามมาตรฐาน SHA Plus+ โดยมีระบบ “ภูเก็ตต้องชนะ”  ที่สามารถใช้เป็นฐานข้อมูล Big Data ในการตรวจสอบประวัติและคำนวณอัตราการรับวัคซีนของบุคลากรผู้ให้บริการในสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA Plus+ แล้วจำนวน 1,389 แห่ง แบ่งเป็นประเภทโรงแรมที่พัก จำนวน 882 แห่ง และโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

“ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ทีมงานดุสิตธานีได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศอย่างเข้มข้นโดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ซึ่งแน่นอนว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังมีคำถามและมีความเป็นห่วงมากมาย แต่หลังจากการลงพื้นที่ สิ่งที่เราสัมผัสได้คือ ความมุ่งมั่นที่จะทำให้การเปิดประเทศใน “กล่องทราย” หรือ “แซนด์บ็อกซ์” ครั้งนี้เป็นการนำร่องและนำไปสู่การเรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศในเดือนตุลาคม มีการเตรียมขั้นตอนและกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างเต็มที่ และก็ได้ระดมฉีดวัคซีนกันเกือบ 70% แล้ว โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนขึ้นอีก ซึ่งจริงๆ แล้ว เดือนกรกฎาคมหรือตลอด 3 เดือนในไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น เพราะเป็นช่วงฤดูฝน ดังนั้น การที่จะหวังตัวเลขนักท่องเที่ยวในจำนวนมากคงเป็นไปได้ยาก แต่ชาวภูเก็ตก็ยอมจะเริ่มในช่วงเวลานี้ เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้และเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงไฮซีซั่นตอนปลายปี รวมถึงยังเป็นโมเดลขยายต่อไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี กล่าว

สำหรับโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต นั้น จนถึงขณะนี้มียอดจองโรงแรมในเดือนกรกฎาคมเข้ามาแล้วราว 40% ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยนักท่องเที่ยวมีทั้งจากในประเทศและต่างประเทศที่จองในนามรายบุคคล และการจองเดินทางแบบหมู่คณะ ทำให้ภาพรวมของการเดินทางและการเข้าพักจะเป็นลักษณะของการทยอยเดินทาง แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการเริ่มต้นของธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าแนวโน้มจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นในอนาคต ซึ่งจากการประเมินของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในวันแรกของการเปิดโครงการจะอยู่ในราว 400-500 คน และในช่วง 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมถึง 30 กันยายน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 1.29 แสนคน และจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานี ได้จัดทำโปรโมชั่นแพคเกจ Back to Paradise  รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการกลับมาเที่ยวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือนักธุรกิจที่เดินทางเข้าออกประเทศไทย ที่ต้องการกลับเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องกักตัว ด้วยการเข้าพักและท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตตามข้อกำหนด ก่อนจะเดินทางต่อไปในจังหวัดอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ รองรับนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สัมผัสและสนับสนุนอาชีพของคนท้องถิ่น เช่น วิถีชีวิตชาวประมงชายฝั่ง   การจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปแบบยั่งยืน เช่น การทำผ้ามัดย้อมธรรมชาติจากดอกไม้ การลองหัดทำอาหารพื้นบ้านจากสูตรดั้งเดิม พร้อมกับเรียนรู้แหล่งที่มาของวัตถุดิบพื้นถิ่นที่ปลอดสารพิษและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ  ตลอดจน การเรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมไทยแขนงอื่นๆ    และยังเพิ่มโปรแกรมดูแลสุขภาพกายและใจแบบองค์รวมที่หลากหลาย อาทิเช่น โยคะ Mindfulness ในชีวิตประจำวัน ดนตรีบำบัด กิจกรรมทางน้ำอย่าง Stand up paddle board รวมไปถึงกิจกรรมสนุกสนานสำหรับเด็กๆ อย่าง Kid’s Camp เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อีกด้วย

“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ คือ โอกาสในการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน  แม้ว่าที่ผ่านมา เราจะมีประสบการณ์เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการบริการที่ดีเยี่ยม แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีความท้าทายมากขึ้น เราก็ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ ทดลองทำใหม่ และแน่นอนว่าในระหว่างทางอาจจะมีปัญหาหรืออุปสรรคเกิดขึ้น ซึ่งเราต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหา และค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน กลุ่มดุสิตธานีในฐานะของผู้ประกอบการ เรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะให้บริการที่ดีที่สุดภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างความประทับใจและสร้างความไว้วางใจให้กับนักท่องเที่ยว เพราะเมื่อถึงเวลาที่สถานการณ์คลี่คลายและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เราจะได้พร้อมที่จะเดินหน้าได้อย่างเต็มที่กับสิ่งที่ได้ทดลองทำมาแล้วใน “กล่องทราย”  ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้การเดินหน้าครั้งใหม่เป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นางศุภจีกล่าว